The Parq, Rama 4

ชั้นออฟฟิศนั้นเป็นชั้นที่ใช้ระบบ unitised curtain wall system ล้อมรอบทั้งหมด ซึ่งถูกออกแบบโดย ฟาซาด แอสโซซิเอทส์เพื่อรองรับการบิดตัวเล็กน้อย และรูปทรงที่มีความลาดเอียง มีการยกตัวจากทางทิศเหนือ และทิศตะวันออกของตัวอาคาร ตัวฟาซาดของตึกแห่งนี้มีการเปลี่ยนจากแนวทั้งไปเป็นแบบ slope back และ slope out โดยไม่มีการใช้กรอบ หรือกระจกแบบ pre-bent ในขณะเดียวกันที่ยังคงไว้ซึ่งฟินแบบตั้งตรงแนวนอน และแนวตั้งที่มีการติดไฟ และมีการเล็มตัวฐานจากด้านใน

ฟาซาด แอสโซซิเอทส์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า การทำผนัง curtain wall แบบบิดนั้นไม่จำเป็นต้องการมีการใช้กระจก หรืออลูมิเนียมดัดโค้งแบบร้อน และหลีกเลี่ยงการสร้างแรงเค้นให้กับกระจกซิลิโคน และตัวซีลข้อเหล็กจนมากเกินไป และการดัดโย้งแบบเย็นที่จำเป็นของผนังในตัวอาคารนั้นสามารถทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องสร้างแรงเค้นให้ตัวกรอบ หรือกระจกมากจนเกินไป

ในส่วนล็อบบี้หลักที่เป็นพื้นที่กว้างนั้นมีการใช้เคเบิ้ลเน็ตแนวตั้ง และชายคาเคลือบกระจกพรุนแนวยาวล้อมรอบเอาไว้ และทั้ง 3 ชั้นที่เป็นพื้นที่ศูนย์การค้าใช้ระบบ semi-unitised glazing system แบบเสริมเหล็กแบบ structurally-glazed facetted ที่ซึ่งเป็นตัวรองรับน้ำหนักฉากกั้นอลูมิเนียมแบบลูกคลื่น

ณ โพเดี่ยมของชั้นศูนย์การค้านั้นมีการใช้ระบบ facetted semi-unitised stick system แบบเสริมเหล็กเพื่อที่จะรองรับน้ำหนักของตัวฉากที่มีท่ออลูมิเนียมตึดไฟแบบลูกคลื่นที่มีความลึก และความกว้างหลากหลายรูปแบบ

Parapet ที่ชั้นบนสุดของเปลือกอาคารนั้นมาการรองรับน้ำหนักจากความสูงหลายระดับโดยโครงสร้างรองที่เป็นดาดฟ้าเหล็ก ซึ่งมีการสร้างทางเดิน และรางเลื่อนเหล็กแนวยาวเพื่อที่จะสามารถมีการซ่อมบำรุงเกิดขึ้นได้

ในส่วนที่เป็นจุดศูนย์กลางของตัวอาคารนั้น มีช่องรูซึ่งแบ่งตัวอาคารออกเป็นสองซีก และมีการติดไฟเพิ่มสำหรับพื้นที่สำนักงาน ในขณะที่ soffit และกระจกนั้นถูกติดตั้งจาก ราง soffit ที่ทำไว้ด้านบน

ทางด้านทิศเหนือของอาคารที่ซึ่งมี terrace ขนาดใหญ่นั้นก็ตีกรอบโดยการใช้ซี่กั้นราวบันได้กระจกแบบยื่นออก

การออกแบบตัวเปลือกอาคารนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า สามารถทำอะไรกับระบบ unitised curtain wall system ได้บ้าง โดยที่ไม่มีการพึ่งวิธีการที่ซับซ้อนเช่น การดัดโค้งกระจก หรือการม้วน และเชื่อมอลูมิเนียม